Train ที่แปลว่ารถไฟ - Train ที่แปลว่ารถไฟ นิยาย Train ที่แปลว่ารถไฟ : Dek-D.com - Writer

    Train ที่แปลว่ารถไฟ

    ผู้เข้าชมรวม

    103

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    103

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  11 มี.ค. 59 / 18:31 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    อา วันที่ 365... ผมเจอเธอมาหนึ่งปีเต็มแล้วสินะ
    ผมเจอเธอเกือบทุกเช้านับตั้งแต่วันนั้น
    ผมว่าผมเจอเธอมาทุกสภาพแล้วล่ะ
    ตอนที่เราเจอกันครั้งแรกผมของเธอสั้นประบ่าเลยล่ะมั้ง ผมว่าเธอดูสดใสในผมทรงนั้น ถึงแม้ว่าบางวันที่เธอมาเจอผมจะอยู่ในสภาพงัวเงียก็เถอะ
    ตอนนี้เธอคนนี้ผมยาวถึงกลางหลังแล้วล่ะ ผมชอบมองผมที่หยิกเป็นลอนน้อยๆของเธอ
    ผมสงสัยว่าวันนี้เราจะได้เจอกันบนรถไฟขบวณนั้นอีกมั้ยนะ

    .........………............................

    โอย วันที่ 365 ที่ฉันต้องนั่งรถไฟชักช้านี่ไปเรียนแล้วสินะ
    ฉันหงุดหงิดทุกเช้าเมื่อต้องเจอผู้คนมากมายเบียดเสียดกัน
    ฉันอยู่ในสภาพไม่พร้อมเจอผู้คนสุดๆวันนี้ ก็นาฬิกาปลุกมันเสียนี่นา
    ตอนที่ฉันขึ้นรถไฟครั้งแรกฉันยังผมสั้นอยู่เลย ฉันว่าฉันดูดีในผมสั้นนะ แต่เพราะต้องรีบขึ้นรถไฟกลับบ้านฉันเลยไม่มีเวลาไปตัดเลย
    ตอนนี้ผมฉันยาวถึงกลางหลังแล้วล่ะ ฉันว่าฉันดูโทรมสุดๆเพราะผมหยักศกนี่ แต่ก็นั่นแหละ เวลายังคงไม่มีเหมือนเดิม
    ฉันสงสัยว่าวันนี้ฉันจะเจออะไรแย่ๆบนรถไฟขบวณนั้นอีกมั้ย


    รถไฟ

    เจ็ดโมงแล้ว ผมออกจากบ้าน รีบอาบน้ำแต่งตัวให้ดูดีเท่าที่ทำได้เหมือนตลอด 364วันที่ผ่านมา ลางสังหรณ์ผมบอกว่าผมจะได้เจอเธอในเวลานี้เหมือนเคย
    ผมคว้าสมุดและปากกาคู่ใจมาพร้อมกับกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือ สัมภาระของนักเรียนแพทย์บ้านไกลอย่างผมมีแค่นี้ล่ะ หนังสืออะไรทิ้งอยู่บ้านให้หมด
    ทันทีที่ผมมาถึงชานชลา ผมก็เห็นหัวทุยๆผงกขึ้นลงอยู่ตรงม้านั่ง ผมหลุดขำเล็กน้อยที่รู้สึกคุ้นชินกับภาพนี้เกินไป ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนม้านั่งใกล้กัน
    ลมอ่อนๆพัดผมลอนสวยของเธอ มันคงต้องการแกล้งผมโดยการพัดกลิ่นหอมอ่อนๆให้โชยมาแตะจมูก ผมว่าผมใกล้เคียงกับคนโรคจิตแล้วล่ะ
    เธออยู่ในชุดนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกับผม แต่น่าแปลกที่เราไม่เคยเจอกันที่นั่นเลย แต่ดูจากสัมภาระที่เยอะสุดๆของเธอแล้ว คงจะอยู่คณะสถาปัตย์ล่ะมั้ง

    ......................................................

    ง่วงสุดๆไปเลย นี่เพิ่งจะเจ็ดโมงเช้า ทำไมฉันต้องตื่นมาเรียนด้วยเนี่ย
    ลมอ่อนๆพัดผ่านฉันเหมือนต้องการจะกล่อมให้หลับ เพราะฉันเป็นคนง่ายๆจึงยอมโอนอ่อนแต่โดยดี
    ไม่นานนัก เสียงที่คุ้นหูก็ปลุกให้ฉันตื่น เสียงบอกว่ารถไฟเทียบชานชลาแล้วนั่นเอง
    อา เขาคนนั้นอีกแล้ว
    ฉันเหลือบไปเห็นเพื่อนร่วมสถาบันที่ฉันเจอตั้งแต่วันแรกที่ย้ายบ้านมา เขาคงอาศัยอยู่แถวนี้ ใบหน้าของเขาดูสดใสราวกับไม่เคยนึกเบื่อที่ต้องเดินทางไกล
    ทำไมถึงเรียกเขาว่าเพื่อนน่ะเหรอ ก็เจอกันเกือบทุกวันนี่นา อย่างน้อยก็วันนี้ไงล่ะ ใช่ ฉันไม่ใช่คนที่คิดเยอะอะไรหรอก
    ฉันเบียดตัวเข้าช่องว่างที่เหลืออยู่ เขาที่ต่อแถวอยู่หลังฉันก็แทรกมาข้างๆ ฉันเขยิบนิดหน่อยเพื่อให้เขาขึ้นแต่เพราะที่จำกัด จมูกฉันจึงติดกับกระดุมของเขาโดยปริยาย อะไรจะสูงขนาดนั้น
    ผ่านไปสองสถานี เริ่มมีคนลงไปบ้างทำให้เกิดช่องว่างพอให้หายใจ ฉันก้มหน้ากดโทรศัพท์มือถือที่เพิ่งมีเสียงดังแจ้งเตือนขึ้นมา 
    วืด
    เเรงเบรกของรถไฟทำให้สมดุลของฉันเสียสูญ เซไปชนคนข้างๆจนเอนเป็นโดมิโน่ โชคดีที่มี(คนที่โมเมว่าเป็น)เพื่อนเหนี่ยวแขนเอาไว้  ฉันผงกหัวขอบคุณและหันไปขอโทษคนที่เซไปโดน
    เฮ้อ เกือบขายหน้าแล้วไหมล่ะ
    ว่าแต่คุณเพื่อนส่งข้อความอะไรมากันนะ

    ......................................................

    เกือบไปแล้ว 
    หัวใจของผมเต้นรัวและแรงขึ้นอีกหลังเธอเซและมีท่าทีว่าจะล้ม แขนของผมยื่นไปเกี่ยวเอวเธอโดยอัตโนมัติ หวังว่าเธอคงไม่คิดว่าผมลวนลามหรอกนะ
    ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเซและผมสามารถช่วยเธอไว้ แต่เป็นครั้งแรกที่หัวใจผมเต้นแรงขนาดนี้ อย่างกับจะมีอะไรเกิดขึ้นอย่างงั้นแหละ
    ผมมัวแต่สงบสติอารมณ์กับตัวเองจนไม่ทันสังเกตว่าเธอไม่ได้ลงที่สถานีเดิมอย่างทุกครั้ง
    อา ถึงสถานีที่ผมต้องลงแล้วสินะ 
    ว่าแต่ คนข้างหลังผมนี่มันอะไรกัน...

    ......................................................

    ฉันว่างสุดๆไปเลย 
    ข้อเสียของความบ้านไกลอีกอย่างคือ เวลาอาจารย์แคนเซิลคลาสคุณจะหันหลังกลับบ้านไม่ได้ถ้าคุณมีเรียนต่อตอนบ่าย
    ฉันหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่ออ่านข้อความที่ถูกส่งมาจบแต่ก็เหลือบไปเห็นเพื่อนร่วมสถาบันยืนเหม่ออยู่จึงปิ๊งไอเดียขึ้นมา
    ก็ฉันยังไม่รู้ว่าเขาเรียนคณะอะไรเลยนี่นา มาทางฝั่งนี้ก็คงวิทยาศาสตร์การกีฬาล่ะมั้ง ดีเลยจะได้ถือโอกาสส่องหนุ่มคณะแพทย์ที่อยู่ใกล้กัน อิ

    ......................................................

    ฮะ เฮ้ ทำไมเธอเดินตามผมมาเรื่อยๆเลยล่ะ สถาปัตย์มันอยู่ฝั่งนู้นไม่ใช่เหรอ
    ผมก้มส่งข้อความหาเพื่อนขอความช่วยเหลืออย่างลนลาน ให้ตายเหอะ วันนี้มันยังไงกันเนี่ย
    สักพักความช่วยเหลือของผมก็โผล่มาคว้าคอผม
    "คนนี้เหรอวะ น่ารักดีนี่" ไอ้ทียีหัวผมจนยุ่ง แล้วคว้าแว่นที่ผมใส่อยู่ออกไปใส่เอง ผมหน้าเหวอ แล้วเหลือบหันไปมองเธอคนนั้น เหมือนเธอกำลังอมยิ้มอยู่แล้วก็หุบลงทันทีที่ผมหันไปเลยแฮะ ยะ อย่าบอกนะว่า...
    "ไอ้ที เค้าเข้าใจผิดหมดแล้วว้อยย"
    "จะได้เข้าหาง่ายๆไง ไหนๆมามอร์นิ่งคิสๆกันทีสิคะที่รัก"
    "ไอ้*** ถอยไป ขนลุก" ผมดันหน้าหล่อๆของคิ้วท์บอยออกไปไกลๆ เพื่อนเวร ไม่ช่วยอะไรเลย 
    พอผมหันไปอีกทีก็เห็นเธอคนนั้นคุยกับรุ่นน้องคณะผมอยู่ อา คงมาหาเพื่อนสินะ ใจเย็นๆสิ นาย

    ......................................................

    เกือบถูกจับได้ซะแล้ว โชคดีที่เจอยัยมีมี่เพื่อนเก่าที่เรียนอยู่คณะแพทย์ เลยลากเธอมาคุยด้วยจะได้ไม่ผิดสังเกต
    ว่าเเต่เขาเป็นเกย์เหรอเนี่ย ดูไม่ออกเลยแฮะ
    พอเขาถอดแว่นก็น่ารักดีเหมือนกัน
    เป็นเกย์ก็ดีเลย จะได้เข้าไปทำความรู้จักสักหน่อย เผื่อเวลากลับดึกจะได้มีเพื่อนกลับ สบายใจกว่าเยอะ
    ......................................................

    เธอชื่อ 'เธอร์' มาจาก เอสเธอร์ หมู่ที่ผมชอบที่สุดในไบโอเคมฯ
    เธอทำผมตกใจเล็กน้อยที่จู่ๆก็พุ่งเข้ามาทักผมที่ชานชลาตอนเช้า แย่หน่อยที่วันนี้ผมเซ็ทผมไม่ทันเพราะต้องอ่านหนังสือจนดึกและลืมเอาเเว่นมาอีกต่างหาก โชคดีในวันร้ายๆนี่ก็ทำให้รู้สึกดีนะ
    คำพูดของทีกลับมาหลอนผมอีกครั้ง
    หรือเธอจะคิดว่าผมเป็นเกย์
    ช่างมันเถอะ แค่คืบหน้าขนาดนี้หลังจากหนึ่งปีผ่านมาก็ถือว่าดีแล้ว
    เธอเเลกไลน์กับผมแล้วก็ชวนผมคุยยาวๆจนถึงสถานีที่ต้องลงเลยล่ะ ช่างจ้อเหมือนกันนะ

    ......................................................

    เขาชื่อ 'นายน์' แบบเลขเก้า?
    เขาไม่ใส่แว่นด้วยล่ะวันนี้ สงสัยจะรับรู้คำชมของฉันแน่ๆ
    เพิ่งรู้ว่าเขาอยู่คณะแพทย์ และได้กลับดึกเป็นเพื่อนฉันแน่ๆ คิดถูกจริงๆที่เข้าไปทำความรู้จัก
    วันนี้ฉันเลิกกิจกรรมที่คณะสามทุ่มพอดี นายน์บอกว่าจะผ่านคณะฉันวันนี้เลยเดี๋ยวกลับด้วยกัน
    เพิ่งรู้ว่าคนเรียนหมอก็คุยสนุกเหมือนกันนะ


    ......................................................

    ผมเจอเธอทุกวัน เราคุยกันเกือบตลอดเวลาเลยล่ะ 
    จากที่ผมเคยว่าคนอื่นเวลาเห็นพวกเขาติดโทรศัพท์ กลายเป็นว่าคำพูดมันย้อนกลับมาที่ตัวผมเองจนได้ 
    ...แต่ผมก็ยอมนะ
    ตารางชีวิตผมเปลี่ยนไปเยอะเลยล่ะ
    จากที่ปกติเวลาหัวค่ำผมจะอยู่แถวร้านนั่งชิวตลอด ก็ต้องมาคอยรับเด็กกิจกรรมอย่างเธอกลับบ้าน
    จากที่เกลียดรถติดจนยอมนั่งรถไฟ ก็ยอมขับรถเทียวรับส่งเธอในวันที่กลับดึก
    จนไอ้ทีแซวตลอดเลยล่ะ ฮ่ะๆ
    วันนี้ผมก็มารอเธอร์ที่คณะเหมือนเคย จะสามทุ่มแล้วเธอยังนั่งประชุมอยู่เลย 
    ผมนั่งทวนรายชื่อตัวยาระหว่างที่รอ โดยที่ยัยตัวดีหันมามองบ่อยๆ บางครั้งก็ยกขนมนมเนยมาให้พร้อมกับไล่ให้กลับก่อน แต่จะปล่อยให้เธอกลับคนเดียวน่ะเหรอ ไม่มีทางน่ะ

    ......................................................

    ถ้าฉันไปรู้สึกกับแฟนของใครจะผิดมั้ย
    คู่จิ้นกับคู่จริงมันคนละอย่างรึเปล่า
    มีมี่บอกฉันว่าที่พี่นายน์ (เพิ่งรู้ว่าเป็นพี่ ฮา)ไม่มีแฟนทั้งๆที่หน้าตาก็ไม่ได้แย่ (ความจริงคือดีเลยล่ะ)ก็เพราะโดนสงสัยว่ากิ๊กกับพี่ที ซึ่งข่าวลือนี่ก็เหมือนจะเป็นจริงเมื่อเวลาพี่ทีบอกเลิกกับสาวคนไหนก็จะบอกว่า 'พี่ชอบคนที่อยู่ใกล้ๆแล้วทำให้พี่เป็นตัวของตัวเอง'
    ว่าแต่มันโยงมาหาพี่นายน์ได้ยังไงกัน งงไปหมด
    คนที่กำลังนั่งรอฉันอยุข้างนอกกระจกนั่นน่ะเหรอ 
    กำลังจะบอกว่าเรื่องดีๆที่เกิดขึ้นฉันมโนไปเองน่ะเหรอ

    ......................................................

    ผมฮัมเพลงอยู่บนรถอย่างสบายอารมณ์ ไม่รู้สึกง่วงสักนิดขณะที่เธอร์หาวอยู่ข้างๆ
    ผมบอกให้เธอปิดจอแลปท็อปแล้วพักได้แล้ว แต่คนบ้างานก็ยังนั่งรัวคีย์บอร์ดต่อไป
    "พี่นายน์" 
    "หืม?"
    "ถ้าเราชอบคนๆนึงแต่ไม่รู้ว่าเค้าชอบเรามั้ยควรจะทำยังไงเหรอ"
    "..."
    ...
    ...
    อา ผมขอคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหม แต่ถ้าได้ทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บอย่างนี้ล่ะ


    ......................................................

    ...หาย
    หายจากไลน์
    หายจากโทรศัพท์
    หายจากหน้าบ้านตอนเช้า
    และหายจาก... ชานชลา
    เพราะคำถามเมื่อคืนรึเปล่า ที่พอถามบทสนทนาของเราก็ถูกตัดจบทันที
    เข้าใจผิดแน่ๆ 

    แต่จะให้ทักไปน่ะเหรอ... ในฐานะอะไรล่ะ ไม่เอาหรอก

    ......................................................



    เพราะความไม่ชัดเจน อาจทำลายความรู้สึกดีๆทุกอย่างที่ผ่านมา
    รถไฟสองขบวนอาจแค่วิ่งสวนกันโดยไม่มีความหมายใดๆก็ได้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×