อา วันที่ 365... ผมเจอเธอมาหนึ่งปีเต็มแล้วสินะ
ผมเจอเธอเกือบทุกเช้านับตั้งแต่วันนั้น
ผมว่าผมเจอเธอมาทุกสภาพแล้วล่ะ
ตอนที่เราเจอกันครั้งแรกผมของเธอสั้นประบ่าเลยล่ะมั้ง ผมว่าเธอดูสดใสในผมทรงนั้น ถึงแม้ว่าบางวันที่เธอมาเจอผมจะอยู่ในสภาพงัวเงียก็เถอะ
ตอนนี้เธอคนนี้ผมยาวถึงกลางหลังแล้วล่ะ ผมชอบมองผมที่หยิกเป็นลอนน้อยๆของเธอ
ผมสงสัยว่าวันนี้เราจะได้เจอกันบนรถไฟขบวณนั้นอีกมั้ยนะ
.........………............................
โอย วันที่ 365 ที่ฉันต้องนั่งรถไฟชักช้านี่ไปเรียนแล้วสินะ
ฉันหงุดหงิดทุกเช้าเมื่อต้องเจอผู้คนมากมายเบียดเสียดกัน
ฉันอยู่ในสภาพไม่พร้อมเจอผู้คนสุดๆวันนี้ ก็นาฬิกาปลุกมันเสียนี่นา
ตอนที่ฉันขึ้นรถไฟครั้งแรกฉันยังผมสั้นอยู่เลย ฉันว่าฉันดูดีในผมสั้นนะ แต่เพราะต้องรีบขึ้นรถไฟกลับบ้านฉันเลยไม่มีเวลาไปตัดเลย
ตอนนี้ผมฉันยาวถึงกลางหลังแล้วล่ะ ฉันว่าฉันดูโทรมสุดๆเพราะผมหยักศกนี่ แต่ก็นั่นแหละ เวลายังคงไม่มีเหมือนเดิม
ฉันสงสัยว่าวันนี้ฉันจะเจออะไรแย่ๆบนรถไฟขบวณนั้นอีกมั้ย
รถไฟ
เจ็ดโมงแล้ว ผมออกจากบ้าน รีบอาบน้ำแต่งตัวให้ดูดีเท่าที่ทำได้เหมือนตลอด 364วันที่ผ่านมา ลางสังหรณ์ผมบอกว่าผมจะได้เจอเธอในเวลานี้เหมือนเคย
ผมคว้าสมุดและปากกาคู่ใจมาพร้อมกับกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือ สัมภาระของนักเรียนแพทย์บ้านไกลอย่างผมมีแค่นี้ล่ะ หนังสืออะไรทิ้งอยู่บ้านให้หมด
ทันทีที่ผมมาถึงชานชลา ผมก็เห็นหัวทุยๆผงกขึ้นลงอยู่ตรงม้านั่ง ผมหลุดขำเล็กน้อยที่รู้สึกคุ้นชินกับภาพนี้เกินไป ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนม้านั่งใกล้กัน
ลมอ่อนๆพัดผมลอนสวยของเธอ มันคงต้องการแกล้งผมโดยการพัดกลิ่นหอมอ่อนๆให้โชยมาแตะจมูก ผมว่าผมใกล้เคียงกับคนโรคจิตแล้วล่ะ
เธออยู่ในชุดนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกับผม แต่น่าแปลกที่เราไม่เคยเจอกันที่นั่นเลย แต่ดูจากสัมภาระที่เยอะสุดๆของเธอแล้ว คงจะอยู่คณะสถาปัตย์ล่ะมั้ง
......................................................
ง่วงสุดๆไปเลย นี่เพิ่งจะเจ็ดโมงเช้า ทำไมฉันต้องตื่นมาเรียนด้วยเนี่ย
ลมอ่อนๆพัดผ่านฉันเหมือนต้องการจะกล่อมให้หลับ เพราะฉันเป็นคนง่ายๆจึงยอมโอนอ่อนแต่โดยดี
ไม่นานนัก เสียงที่คุ้นหูก็ปลุกให้ฉันตื่น เสียงบอกว่ารถไฟเทียบชานชลาแล้วนั่นเอง
อา เขาคนนั้นอีกแล้ว
ฉันเหลือบไปเห็นเพื่อนร่วมสถาบันที่ฉันเจอตั้งแต่วันแรกที่ย้ายบ้านมา เขาคงอาศัยอยู่แถวนี้ ใบหน้าของเขาดูสดใสราวกับไม่เคยนึกเบื่อที่ต้องเดินทางไกล
ทำไมถึงเรียกเขาว่าเพื่อนน่ะเหรอ ก็เจอกันเกือบทุกวันนี่นา อย่างน้อยก็วันนี้ไงล่ะ ใช่ ฉันไม่ใช่คนที่คิดเยอะอะไรหรอก
ฉันเบียดตัวเข้าช่องว่างที่เหลืออยู่ เขาที่ต่อแถวอยู่หลังฉันก็แทรกมาข้างๆ ฉันเขยิบนิดหน่อยเพื่อให้เขาขึ้นแต่เพราะที่จำกัด จมูกฉันจึงติดกับกระดุมของเขาโดยปริยาย อะไรจะสูงขนาดนั้น
ผ่านไปสองสถานี เริ่มมีคนลงไปบ้างทำให้เกิดช่องว่างพอให้หายใจ ฉันก้มหน้ากดโทรศัพท์มือถือที่เพิ่งมีเสียงดังแจ้งเตือนขึ้นมา
วืด
เเรงเบรกของรถไฟทำให้สมดุลของฉันเสียสูญ เซไปชนคนข้างๆจนเอนเป็นโดมิโน่ โชคดีที่มี(คนที่โมเมว่าเป็น)เพื่อนเหนี่ยวแขนเอาไว้ ฉันผงกหัวขอบคุณและหันไปขอโทษคนที่เซไปโดน
เฮ้อ เกือบขายหน้าแล้วไหมล่ะ
ว่าแต่คุณเพื่อนส่งข้อความอะไรมากันนะ
......................................................
เกือบไปแล้ว
หัวใจของผมเต้นรัวและแรงขึ้นอีกหลังเธอเซและมีท่าทีว่าจะล้ม แขนของผมยื่นไปเกี่ยวเอวเธอโดยอัตโนมัติ หวังว่าเธอคงไม่คิดว่าผมลวนลามหรอกนะ
ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเซและผมสามารถช่วยเธอไว้ แต่เป็นครั้งแรกที่หัวใจผมเต้นแรงขนาดนี้ อย่างกับจะมีอะไรเกิดขึ้นอย่างงั้นแหละ
ผมมัวแต่สงบสติอารมณ์กับตัวเองจนไม่ทันสังเกตว่าเธอไม่ได้ลงที่สถานีเดิมอย่างทุกครั้ง
อา ถึงสถานีที่ผมต้องลงแล้วสินะ
ว่าแต่ คนข้างหลังผมนี่มันอะไรกัน...
......................................................
ฉันว่างสุดๆไปเลย
ข้อเสียของความบ้านไกลอีกอย่างคือ เวลาอาจารย์แคนเซิลคลาสคุณจะหันหลังกลับบ้านไม่ได้ถ้าคุณมีเรียนต่อตอนบ่าย
ฉันหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่ออ่านข้อความที่ถูกส่งมาจบแต่ก็เหลือบไปเห็นเพื่อนร่วมสถาบันยืนเหม่ออยู่จึงปิ๊งไอเดียขึ้นมา
ก็ฉันยังไม่รู้ว่าเขาเรียนคณะอะไรเลยนี่นา มาทางฝั่งนี้ก็คงวิทยาศาสตร์การกีฬาล่ะมั้ง ดีเลยจะได้ถือโอกาสส่องหนุ่มคณะแพทย์ที่อยู่ใกล้กัน อิ
......................................................
ฮะ เฮ้ ทำไมเธอเดินตามผมมาเรื่อยๆเลยล่ะ สถาปัตย์มันอยู่ฝั่งนู้นไม่ใช่เหรอ
ผมก้มส่งข้อความหาเพื่อนขอความช่วยเหลืออย่างลนลาน ให้ตายเหอะ วันนี้มันยังไงกันเนี่ย
สักพักความช่วยเหลือของผมก็โผล่มาคว้าคอผม
"คนนี้เหรอวะ น่ารักดีนี่" ไอ้ทียีหัวผมจนยุ่ง แล้วคว้าแว่นที่ผมใส่อยู่ออกไปใส่เอง ผมหน้าเหวอ แล้วเหลือบหันไปมองเธอคนนั้น เหมือนเธอกำลังอมยิ้มอยู่แล้วก็หุบลงทันทีที่ผมหันไปเลยแฮะ ยะ อย่าบอกนะว่า...
"ไอ้ที เค้าเข้าใจผิดหมดแล้วว้อยย"
"จะได้เข้าหาง่ายๆไง ไหนๆมามอร์นิ่งคิสๆกันทีสิคะที่รัก"
"ไอ้*** ถอยไป ขนลุก" ผมดันหน้าหล่อๆของคิ้วท์บอยออกไปไกลๆ เพื่อนเวร ไม่ช่วยอะไรเลย
พอผมหันไปอีกทีก็เห็นเธอคนนั้นคุยกับรุ่นน้องคณะผมอยู่ อา คงมาหาเพื่อนสินะ ใจเย็นๆสิ นาย
......................................................
เกือบถูกจับได้ซะแล้ว โชคดีที่เจอยัยมีมี่เพื่อนเก่าที่เรียนอยู่คณะแพทย์ เลยลากเธอมาคุยด้วยจะได้ไม่ผิดสังเกต
ว่าเเต่เขาเป็นเกย์เหรอเนี่ย ดูไม่ออกเลยแฮะ
พอเขาถอดแว่นก็น่ารักดีเหมือนกัน
เป็นเกย์ก็ดีเลย จะได้เข้าไปทำความรู้จักสักหน่อย เผื่อเวลากลับดึกจะได้มีเพื่อนกลับ สบายใจกว่าเยอะ
......................................................
เธอชื่อ 'เธอร์' มาจาก เอสเธอร์ หมู่ที่ผมชอบที่สุดในไบโอเคมฯ
เธอทำผมตกใจเล็กน้อยที่จู่ๆก็พุ่งเข้ามาทักผมที่ชานชลาตอนเช้า แย่หน่อยที่วันนี้ผมเซ็ทผมไม่ทันเพราะต้องอ่านหนังสือจนดึกและลืมเอาเเว่นมาอีกต่างหาก โชคดีในวันร้ายๆนี่ก็ทำให้รู้สึกดีนะ
คำพูดของทีกลับมาหลอนผมอีกครั้ง
หรือเธอจะคิดว่าผมเป็นเกย์
ช่างมันเถอะ แค่คืบหน้าขนาดนี้หลังจากหนึ่งปีผ่านมาก็ถือว่าดีแล้ว
เธอเเลกไลน์กับผมแล้วก็ชวนผมคุยยาวๆจนถึงสถานีที่ต้องลงเลยล่ะ ช่างจ้อเหมือนกันนะ
......................................................
เขาชื่อ 'นายน์' แบบเลขเก้า?
เขาไม่ใส่แว่นด้วยล่ะวันนี้ สงสัยจะรับรู้คำชมของฉันแน่ๆ
เพิ่งรู้ว่าเขาอยู่คณะแพทย์ และได้กลับดึกเป็นเพื่อนฉันแน่ๆ คิดถูกจริงๆที่เข้าไปทำความรู้จัก
วันนี้ฉันเลิกกิจกรรมที่คณะสามทุ่มพอดี นายน์บอกว่าจะผ่านคณะฉันวันนี้เลยเดี๋ยวกลับด้วยกัน
เพิ่งรู้ว่าคนเรียนหมอก็คุยสนุกเหมือนกันนะ
......................................................
ผมเจอเธอทุกวัน เราคุยกันเกือบตลอดเวลาเลยล่ะ
จากที่ผมเคยว่าคนอื่นเวลาเห็นพวกเขาติดโทรศัพท์ กลายเป็นว่าคำพูดมันย้อนกลับมาที่ตัวผมเองจนได้
...แต่ผมก็ยอมนะ
ตารางชีวิตผมเปลี่ยนไปเยอะเลยล่ะ
จากที่ปกติเวลาหัวค่ำผมจะอยู่แถวร้านนั่งชิวตลอด ก็ต้องมาคอยรับเด็กกิจกรรมอย่างเธอกลับบ้าน
จากที่เกลียดรถติดจนยอมนั่งรถไฟ ก็ยอมขับรถเทียวรับส่งเธอในวันที่กลับดึก
จนไอ้ทีแซวตลอดเลยล่ะ ฮ่ะๆ
วันนี้ผมก็มารอเธอร์ที่คณะเหมือนเคย จะสามทุ่มแล้วเธอยังนั่งประชุมอยู่เลย
ผมนั่งทวนรายชื่อตัวยาระหว่างที่รอ โดยที่ยัยตัวดีหันมามองบ่อยๆ บางครั้งก็ยกขนมนมเนยมาให้พร้อมกับไล่ให้กลับก่อน แต่จะปล่อยให้เธอกลับคนเดียวน่ะเหรอ ไม่มีทางน่ะ
......................................................
ถ้าฉันไปรู้สึกกับแฟนของใครจะผิดมั้ย
คู่จิ้นกับคู่จริงมันคนละอย่างรึเปล่า
มีมี่บอกฉันว่าที่พี่นายน์ (เพิ่งรู้ว่าเป็นพี่ ฮา)ไม่มีแฟนทั้งๆที่หน้าตาก็ไม่ได้แย่ (ความจริงคือดีเลยล่ะ)ก็เพราะโดนสงสัยว่ากิ๊กกับพี่ที ซึ่งข่าวลือนี่ก็เหมือนจะเป็นจริงเมื่อเวลาพี่ทีบอกเลิกกับสาวคนไหนก็จะบอกว่า 'พี่ชอบคนที่อยู่ใกล้ๆแล้วทำให้พี่เป็นตัวของตัวเอง'
ว่าแต่มันโยงมาหาพี่นายน์ได้ยังไงกัน งงไปหมด
คนที่กำลังนั่งรอฉันอยุข้างนอกกระจกนั่นน่ะเหรอ
กำลังจะบอกว่าเรื่องดีๆที่เกิดขึ้นฉันมโนไปเองน่ะเหรอ
......................................................
ผมฮัมเพลงอยู่บนรถอย่างสบายอารมณ์ ไม่รู้สึกง่วงสักนิดขณะที่เธอร์หาวอยู่ข้างๆ
ผมบอกให้เธอปิดจอแลปท็อปแล้วพักได้แล้ว แต่คนบ้างานก็ยังนั่งรัวคีย์บอร์ดต่อไป
"พี่นายน์"
"หืม?"
"ถ้าเราชอบคนๆนึงแต่ไม่รู้ว่าเค้าชอบเรามั้ยควรจะทำยังไงเหรอ"
"..."
...
...
อา ผมขอคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหม แต่ถ้าได้ทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บอย่างนี้ล่ะ
......................................................
...หาย
หายจากไลน์
หายจากโทรศัพท์
หายจากหน้าบ้านตอนเช้า
และหายจาก... ชานชลา
เพราะคำถามเมื่อคืนรึเปล่า ที่พอถามบทสนทนาของเราก็ถูกตัดจบทันที
เข้าใจผิดแน่ๆ
แต่จะให้ทักไปน่ะเหรอ... ในฐานะอะไรล่ะ ไม่เอาหรอก
......................................................
เพราะความไม่ชัดเจน อาจทำลายความรู้สึกดีๆทุกอย่างที่ผ่านมา
รถไฟสองขบวนอาจแค่วิ่งสวนกันโดยไม่มีความหมายใดๆก็ได้
ความคิดเห็น